จากประสบการณ์การสอบ IC license ของ SET ประเทศไทย (หลายๆคนที่ติวสอบ) ก็จะพบว่า ในหนังสือจะนิยาม สายวิเคราะห์กราฟหุ้นว่าเป็น
“การศึกษาพฤติกรรมของราคา หรือพฤติกรรมของตลาด โดยใช้หลักสถิติหรือรูปแบบของการเคลื่อนที่ของราคาในอดีต เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมการเคลื่อนที่ของราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และช่วยหาจังหวะในการเทรดที่เหมาะสม”
และเชื่อไหมว่าผมก็เชื่ออย่างงั้นและสอบผ่านฉลุย แต่พอมาโลกลงทุนจริงๆโดยความเชื่อนี้ กลับทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปอย่างที่น่าพึงพอใจมากนัก จนเกิดคำถามว่าทำไมนะ? — แล้วก็ได้มาพบนิยามใหม่ จาก “Daddy Trader” (นิมิต วิทย์คลาพงษ์) ซึ่งได้เปลี่ยน Mindset ของสายวิเคราะห์กราฟของผมไปเลย จากสิ่งที่สอนกันมาจะเห็นว่าสิ่งที่ต้องการจากการวิเคราะห์กราฟคือ ต้องการคาดการณ์อนาคตให้แม่นยำ ซึ่งต้องบอกเลยว่า “เป็นไปไม่ได้” แต่สิ่งที่ควรจะเป็นคือ การวิเคราะห์กราฟเป็น
“การศึกษาพฤติกรรมของฝั่งซื้อ(Demand) และฝั่งขาย(Supply) เพื่อประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน โดยใช้ข้อมูล ราคาและปริมาณการซื้อขาย เป็นตัวสะท้อนพฤติกรรมของตลาด”
ประเมินแล้วสิ่งที่ได้ถัดมาคือจะ เกิดมุมมองเชิงกลยุทธ์ ไปออกแบบวิธีการเทรดที่ได้เปรียบ
ฉะนั้น เราต้องเปลี่ยความคิดใหม่ว่า “การวิเคราะห์กราฟ ไม่ได้ใช้ทำนายอนาคต แต่เป็นการดูปัจจุบัน และนำไปสู่การ Action ที่ได้เปรียบ เพื่อระยะยาวแล้วได้กำไร”

ไอ้แดงมันเป็นนักขาย ส่วนไอ้เขียวมันเป็นนักซื้อ
Tip ดูทีมไหนมากกว่า แรงมากกว่า และกระตือรือร้นมากกว่า ก็ไปอยู่ฝั่งนั้นนะ (จะได้เปรียบ)
สรุป 3 ประเด็นง่ายๆ
สายวิเคราะห์กราฟคือ? การที่เราเราศึกษา คน 2 กลุ่มนี้ (ทีมเขียว Demand และ ทีมแดง Supply) → ประเมินสถานการณ์ตลาด (ปัจจุบัน)
วิเคราะห์กราฟอย่างไร? เราใช้กราฟราคา(Price) และ ประมาณการซื้อขาย(Volume) → แปลผลว่าทีม D หรือ ทีม S ใครกระตือรือร้นมากกว่ากัน
วิเคราะห์กราฟเพื่ออะไร? เพื่อให้ได้มุมมองเชิงกลยุทธ์ → รู้ว่าจะต้อง Take action อะไร? และ ใช้กลยุทธ์อะไร → ที่จะสร้างความได้เปรียบ
ถ้าชอบก็กดติดตามกันไว้นะครับ จะสรุปเรื่องราวการลงทุนและการวางแผนการเงินที่น่าสนใจ เข้าใจง่ายเรื่อยๆ ขอบคุณครับ — FA pongsak